Worries - ความวิตกกังวล

โดย ดร.เฮ็นรี ซี. ซัน
        วิตกกังวล

ในพระคริสตธรรมคัมภีร์มีหลายตอนที่พูดถึงความวิตกกังวล
พระเยซูก็ทรงเน้นไม่ให้วิตกกังวลมากกว่าเน้นไม่ให้ทำบาป

"อย่าทุกข์ร้อนในสิ่งใดๆเลย
แต่จงทูลเรื่องความปรารถนาของท่านทุกอย่างต่อพระเจ้า ด้วยการอธิษฐาน
การวิงวอน กับการขอบพระคุณ แล้วสันติสุขแห่งพระเจ้าซึ่งเกินความเข้าใจ
จะคุ้มครองจิตใจและความคิดของท่านไว้ในพระเยซูคริสต์" (ฟิลิปปี 4:6-7)

ไม่กลัว

ความกลัวที่ยิ่งใหญ่ที่สุดอย่างหนึ่งของมนุษย์คือกลัวความตาย
ถ้าใครไม่กลัวตาย เขาก็คงไม่กลัวอะไรอื่นอีก
อันที่จริงพระเจ้าทรงควบคุมชีวิตและความตายของมนุษย์ทุกคน
พระองค์อาจเอาชีวิตของบางคนไปหรือประทานชีวิตให้กับบางคนก็ได้

"พระเจ้าทรงประหารและทรงให้ชีวิต พระองค์ทรงนำลงไปถึงแดนคนตายและนำขึ้นมา
พระเจ้าทรงกระทำให้ยากจนและทรงกระทำให้มั่งคั่ง
พระองค์ทรงกระทำให้ต่ำลงและพระองค์ทรงยกขึ้น
พระองค์ทรงยกคนยากจนขึ้นจากผงคลี พระองค์ทรงยกคนขัดสนขึ้นจากกองขยะ
กระทำให้เขานั่งร่วมกับเจ้านาย และได้ที่นั่งอันมีเกียรติเป็นมรดก
เพราะว่าเสาแห่งพิภพเป็นของพระเจ้า พระองค์ทรงวางพิภพไว้บนนั้น" (1
ซามูเอล 2:6-8)

เมื่อเราได้รับการประกันว่าชีวิตนิรันดร์แล้ว
เราไม่ต้องกลัวสิ่งอื่นใดอีก แม้แต่การถูกโยนลงในถ้ำสิงโต
หรือในไฟที่ลุกอยู่ เราไม่จำเป็นต้องกลัวการทนทุกข์ฝ่ายร่างกาย
หรือภัยธรรมชาติวิกฤตทางเศรษฐกิจ อุบัติเหตุ หรือแม้แต่ความตาย

ทำไมเราจึงไม่กลัวตาย? ก็เพราะว่าสวรรค์นั้นน่าอยู่กว่าโลกมาก
อัครทูตเปาโลกล่าวว่า "เพราะเราดำเนินโดยความเชื่อ มิใช่ตามที่ตามองเห็น
เรามีความมั่นใจ
และเราปรารถนาจะอยู่กับองค์พระผู้เป็นเจ้ามากกว่าอยู่ในร่างกายนี้" (2
โครินธ์ 5:7-8)

เพื่อนของดานิเอลสามคนคือ ชัครัค เมชาค และเอเบดเนโก
ถูกนำไปเป็นเชลยในกรุงบาบิโลนในฐานะทาส
แต่ได้กลายมาเป็นข้าราชการของกษัตริย์เนบูคัสเนสซาร์
เขาไม่ยอมกราบไหว้รูปเคารพทองคำที่กษัตริย์สั่งให้ทุกคนกราบไหว้ ดังนั้น
เขาจึงถูกน้ำไปโยนในกองเพลิง

กษัตริย์ให้โอกาสแก่พวกเขาเป็นครั้งสุดท้าย
แต่พวกเขาก็ปฏิเสธไม่ยอมนมัสการรูปเคารพนั้น โดยกล่าวว่า
"ถ้าพระเจ้าของพวกข้าพระบาทผู้ซึ่งพวกข้าพระบาทปรนนิบัติ
พอพระทัยจะช่วยกู้พวกข้าพระบาทให้พันจากเตาที่ไฟลุกอยู่ ข้าแต่พระราชา
พระองค์ก็ทรงช่วยกู้พวกข้าพระบาทให้พ้นพระหัตถ์ของฝ่าพระบาท
ถึงแม้ไม่เป็นเช่นนั้น ข้าแต่พระราชา ขอฝ่าพระบาททรงทราบว่า
พวกข้าพระบาทก็ไม่ปรนนิบัติพระของฝ่าพระบาท
หรือนมัสการปฏิมากรทองคำซึ่งฝ่าพระบาทได้ทรงตั้งขึ้น" (ดาเนียล 3:17-18)

แล้วกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ทรงเกรี้ยวกราดนัก รับสั่งให้มัดชัดรัค เมชาค
และเอเบดเนโก และโยนเข้าไปในเตาไฟทั้งที่ยังถูกมัดอยู่
ขณะนั้นกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ประหลาดพระทัย ทรงลุกขึ้นโดยฉับพลัน
พระองค์ตรัสว่า "เรามัดสามคนโยนเข้าไปในไฟมิใช่หรือ แต่เราเห็นสี่คน
มือไม่ได้ถูกมัด กำลังเดินอยู่กลางไฟและเขาทั้งหลายก็ไม่เป็นอันตราย
รูปร่างของคนที่สี่นั้นคล้ายกับองค์เทพบุตร"

แล้วเนบูคัดเนสซาร์เสด็จมาใกล้ประตูเตาที่ไฟลุกอยู่นั้น ทรงกล่าวว่า
"ซัดรัค เมชาค และเอเบดเนโก ผู้รับใช้ของพระเจ้าสูงสุด จงออกมาเถิด
จงมาที่นี่" แล้วทั้งสามก็เดินออกมาจากไฟ ผมที่ศีรษะของเขาก็ไม่งอ
เสื้อก็มิได้ไหม้ และไม่มีกลิ่นไฟที่ตัวเขาทั้งหลายเลย (ดาเนียล 3:17-27)

ตลอดประวัติศาสตร์
สาวกของพระเยซูคริสต์หลายพันคนถูกข่มเหงและถูกฆ่าเพราะพระกิตติคุณ
แต่ไม่มีบันทึกในประวัติศาสตร์ว่าพวกเขาหวาดกลัว ตรงข้าม
พวกเขากลับอธิษฐานขอพรและขอพระเจ้ายกโทษให้กับศัตรู
เช่นเมื่อประชาชนจะเอาหินขว้างสเทเฟน
ขณะกำลังอ้อนวอนองค์พระผู้เป็นเจ้าอยู่ว่า "ข้าแต่พระเยซูเจ้า
ขอทรงโปรดรับจิตวิญญาณของข้าพระองค์ด้วย"

สเทเฟนก็คุกเข่าลงร้องเสียงดังว่า "ข้าและองค์พระผู้เป็นเจ้า
ขอโปรดอย่าทรงถือโทษเขาเพราะบาปนี้" เมื่อกล่าวเช่นนี้แล้วก็ล่วงลับไป
(กิจการ 7:59-60)

ศจ.ดร.บัวขาบ รองหานาม แปล

ที่มา : นิตยสารโลกวันนี้วันสุข ปีที่ 5 ฉบับ 265 วันที่ 26 มิถุนายน-2
กรกฎาคม พ.ศ. 2553 หน้า 25 คอลัมน์ พระวจนธรรม โดย ดร.เฮ็นรี ซี. ซัน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น