หายโรคแบบเหนือธรรมชาติยังมีอยู่นะ

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 22 ธ.ค.ว่า นางเดเลีย น็อกซ์ ผู้ป่วยอัมพาตนั่งเก้าอี้รถเข็นเป็นเวลากว่า 23 ปี จากเหตุการณ์ประสบอุบัติเหตุถูกคนเมาขับรถชน ในช่วงวันคริสต์มาส เมื่อปี 1987 พานพบปาฎิหาริย์ขึ้นกับตัวเอง ภายหลังเข้าร่วมเหตุการณ์ด้านจิตวิญญาณขอพรจากพระเจ้า ในสถานที่แห่งหนึ่งซึ่งประกอบพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ทางคริสต์ศาสนา ในเมืองโมบิล รัฐอลาบาม่า โดยหลังจากที่นักบวชชาวอังกฤษสวดมนต์ให้แก่เธอ ปรากฎว่า เธอสามารถลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้รถเข็นได้โดยมีผู้ช่วยพยุงตัวในเบื้องแรก และสามารถเดินได้เองอย่างเป็นปกติ

รายงานระบุว่า เหตุการณ์ดังกล่าวถูกบันทึกภาพแพร่ลงในเว็บไซต์ยอดนิยม"ยูทิวบ์"และมีผู้ เข้ามาชมแล้วกว่า 2 แสนคน ขณะที่เจ้าตัวบอกว่า เหตุการณ์ดังกล่าวได้พลิกชีวิตของเธอ เพราะเดี๋ยวนี้เธอสามารถเข้าครัวและเดินรอบบ้านได้ และเธอรู้สึกทึ่งที่ได้เห็นอำนาจของพระเจ้าที่ปรากฎในชีวิตของเธอและทั่วโลก ที่ทำให้เกิดปาฎิหาริย์ขึ้น

จากเว็บ
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1292998189&grpid=03&catid=03

ดูวีดีทัศน์ที่นี้ จากยูทูปส์



อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับการหายโรคอย่างอัศจรรย์ และเมืองไทยเราก็มีมากมาย จากเว็บนี้


http://reewat.blogspot.com


กลับไปหน้าแรก

ความกลัว

         กลัวเพราะขาดความเชื่อ?	

ความกลัวกำลังเกิดขึ้นและครอบงำจิตใจของคนจำนวนมากในปัจจุบัน
สิ่งที่เราควรเรียนรู้ในวันนี้คือการจัดการอย่างไรกับความกลัวที่กำลังเกิดขึ้น

การก่อการร้ายก็ได้สร้างผลในจิตใจของคนส่วนใหญ่คือทำให้เกิดความกลัว
ใครที่อยู่ในอาคารสูงๆ
หรือต้องเดินทางโดยสารเครื่องบินหรืออยู่ในเมืองใหญ่ๆ เช่น นิวยอร์ก
ชิคาโก วอชิงตัน ดี.ซี.
อาจกำลังมีความกลัวจนทำให้ตนเองอยู่อย่างไม่เป็นสุขและมีผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของตน

ก่อนหน้านี้ทุกครั้งที่เราขึ้นเครื่องบินก็ได้รับการต้อนรับอย่างดี
เพราะถือว่าเราเป็นแขกผู้มีเกียรติที่ต้องให้การบริการ
แต่บัดนี้อาจตรงกันข้าม
เพราะมีการสงสัยหรือตั้งข้อสังเกตว่าผู้โดยสารบางคน
หรือแขกบางท่านอาจมาก่อวินาศกรรม

เรามีความเคยชินกับการที่ต่างฝ่ายต่าง
รักษาระเบียบไม่ล่วงละเมิดกันจึงไม่คิดกันเลยว่า
จะมีเหตุร้ายที่ทำให้ตกอกตกใจหรือทำให้ตนเอง
ต้องอยู่ในความกลัว

บ้านส่วนใหญ่ที่เราอาศัยอยู่ก็ไม่มีรั้วใครก็ได้อาจเดินเข้ามา
ที่หน้าต่างห้องนอนหรือใช้ค้อนทุบเข้ามาได้
ถ้าเราคิดว่ามีใครตั้งใจจะมาปล้นหรือทำร้ายเรา
การเป็นอยู่ของเราหรือการหลับนอนก็จะไม่สนิทและไม่อาจอยู่เป็นสุขได้

ผมเคยทำงานที่คริสตจักรสะพานเหลืองที่กรุงเทพฯ
ซึ่งหากใครเคยไปก็ได้เห็นถึงคนทุกประเภทได้เข้ามา
แออัดประชุมนมัสการในโบสถ์ที่มีเนื้อที่จำกัด
แต่ละอาทิตย์ก็ผ่านไปด้วยความเรียบร้อยเพราะทุกคน
ต่างก็รักษาระเบียบและไม่ก้าวก่ายกัน
อยู่มาวันหนึ่งเพื่อนผมจากต่างคริสตจักรได้ไปร่วมนมัสการที่|
คริสตจักรและบังเอิญไปนั่งในบริเวณที่มีสุภาพสตรีจำนวนมากนั่งกัน
เขาได้สังเกตและเกิดความสงสัยว่า
ทำไมเมื่อนักเทศน์ได้เชิญให้ที่ประชุมยืนขึ้นตอนหลังการเทศนาเพื่อร่วมใจกันอธิษฐาน
บรรดาสุภาพสตรีทุกคนที่ดูมีฐานะก็ได้ยืนขึ้นอย่างพร้อมเพรียง
และต่างก็รวบกระเป๋ามาถือไว้ที่ข้างตัว บางท่านก็หนีบไว้ที่ใต้รักแร้
ผมได้อธิบายทีหลังให้เพื่อนฟังว่า
ครั้งหนึ่งมีผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามาในที่ประชุมและมานั่ง
ม้านั่งแถวหลังสุภาพสตรีที่ดูมีฐานะที่วางกระเป๋าถือ
ที่ดูมีค่าไว้ที่ม้านั่งข้างตัว
พออาจารย์เชิญให้ยืนขึ้นอธิษฐานและในขณะที่
ทุกคนกำลังปิดตาร่วมใจอธิษฐานอยู่
ผู้หญิงคนนั้นก็หยิบกระเป๋าถือนั้นแล้วเดินออกจาก
ที่ประชุมไปโดยที่ไม่มีใครที่อยู่รอบๆได้ทันรู้เนื้อรู้ตัว
แม้เดินผ่านสัมพันธกิจที่หน้าประตูทางออกก็ไม่มีใคร
สงสัยว่าผู้หญิงนั้นได้มาขโมยกระเป๋าถือไป
กลับเข้าใจว่าผู้หญิงคนนั้นคงมีธุระต้องรีบไปจึงไม่ได้เอะใจอะไร
ต่อมาคริสตจักรจึงต้องจัดคนบางคนเปิดตาคอยดู
สถานการณ์โดยเฉพาะเวลาที่คนส่วนใหญ่กำลังหลับตาอยู่

หากเราต้องตกอยู่ในความกลัวในสิ่งที่เราเคยคุ้นเคย
สภาพเช่นนั้นเป็นการบั่นทอนชีวิตของเราโดยตรง
เช่นหากเรากินข้าวทุกวันทุกมื้อ
แต่ต่อมามีคนมาบอกว่ากินข้าวแล้วเป็นมะเร็ง แล้วเราก็หลงเชื่อเช่นนั้น
ความกลัวก็จะครอบงำทำให้การกินของเราและวงจรชีวิตที่เราเคยทำกันอย่างปรกติก็เกิดความปั่นป่วนขึ้นมาทันที

อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้เรากลัวก็เพราะเราไม่ได้มีการเตรียมพร้อม
มีความชะล่าใจว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เรามีความเข้มแข็งและมีพวกมากจึงทึกทักว่าปลอดภัย 100 เปอร์เซ็นต์
สำนึกผิดว่าเรื่องร้ายแรงจะไม่เกิดขึ้นกับฉันแน่
ถ้ามีภัยอันตรายต้องเกิดขึ้นกับคนอื่นโดยเฉพาะคนอื่นที่ชั่วร้าย

ในพระธรรมมาระโก 4:35-41
ได้พูดถึงการแล่นเรือของบรรดาสาวกที่มีพระเยซู
ทรงประทับอยู่ในเรือด้วยแม้ว่ามีพระอาจารย์อยู่ด้วย
และมีเรือลำอื่นๆแล่นไปด้วยกันเป็นขบวน
แต่เมื่อต้องเผชิญกับพายุใหญ่ซึ่งเกิดขึ้นอย่างทันทีทันใด
จนคลื่นทะเลซัดเอาน้ำทะเลเข้าเรือจวนจะเต็มลำ
ในขณะนั้นพวกสาวกต่างตกใจกลัวแม้พระอาจารย์
ทรงประทับอยู่ด้วยหรือมีคนมากๆไปด้วยกันก็ตาม
สิ่งที่ทำให้พวกเขากลัวมากก็เพราะการมองดูรอบข้าง
และการเห็นพระเยซูนอนเฉยที่ท้ายเรือ
ซึ่งไม่ได้แสดงความวิตกสะทกสะท้านใดๆ
ลักษณะเช่นนี้คือความกลัวที่ขาดความ
เชื่อวางใจแม้พระเยซูทรงสถิตกับพวกเขาก็ตาม
ความกลัวได้ทำให้พวกเขาขาดสติ
ยิ่งได้เห็นพระเยซูนิ่งเฉยก็ยิ่งกลัว
พวกเขาได้ต่อว่าพระเยซูที่นิ่งเฉยว่า
"ข้าพเจ้าทั้งหลายกำลังจะจมอยู่แล้ว
ท่านไม่เป็นห่วงบ้างหรือ"

ความจริงการมีความกลัวอาจเป็นสิ่งดี
ถ้าความกลัวนั้นไม่เป็นนายหรือควบคุมสติของเราจนหมดสิ้น
ความกลัวเป็นการทำให้เราเกิดความกระตือรือร้น
มีความตื่นตัวเป็นการเตือนเราว่ากำลังมีภัยใกล้เข้ามา
และเราจะต้องระวังตื่นตัวเสมอ
ความกลัวเป็นเหมือน defense mechanism
หรือกลไกที่กระตุ้นให้เราเตรียมพร้อมที่จะปกป้องภัยอันตราย
หรือเป็นการทำให้เรารู้ตัวล่วงหน้าว่าจะมีภัยหรือมีอะไรกำลังจะเกิดขึ้น

ตรงกันข้าม หากมีความกลัวที่ไม่อาจควบคุมได้
หรือเราถูกความกลัวครอบงำจนหมดสิ้น
ก็จะมีผลต่ออารมณ์ความรู้สึกและการใช้เหตุใช้ผลของเราทันที
ถ้าความกลัวกลายเป็นนายก็จะทำให้เราสูญเสีย
ความสามารถในการใช้ปัญหาและเหตุผล

ที่มา : นิตยสารโลกวันนี้วันสุข ปีที่ 6 ฉบับ 287 วันที่ 27 พฤศจิกายน -
3 ธันวาคม พ.ศ. 2553 หน้า 27 คอลัมน์ พระวจนธรรม โดย ศจ.ดร.มนตรี โมเสส
ธิติภา
VIEW SLIDE SHOW DOWNLOAD ALL
ADD MORE PHOTOS
This album has 1 photo and will be available on SkyDrive until 03/02/2011.