10 แย่แบบไทย กับไฟแผ่นดิน
คอลัมภ์แว่นขยายแผ่นดิน The Cop Maggazine
โดย พ.ต.ท.เชิงรณ ริมผดี
สถานการณ์ นองเลือดและความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในหมู่พี่น้องคนไทย เป็นปรากฏการณ์อิ่มตัวจากวิวัฒนาการทางสังคม เศรษฐกิจ การเมืองแบบไทยไทย ที่เติบโต ตกทอด มาโดยลำดับ นับแต่มีการยึดอำนาจและเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบบสมบูรณาญาสิทธิราช เป็นระบอบประชาธิปไตย ในปี 2475
ผมขอเรียกมันว่า “ สัญญาณการล่มสลายแห่งชาติ “
เรา รักและพัฒนาประเทศไทยกันแต่ปาก โดยไม่ได้ลงมือทำ ดังจะเห็นได้จากการที่เกาหลีใต้ในอดีตที่มาศึกษาดูงานและนำแผนพัฒนาเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติของไทยฉบับแรกไปใช้ จนบรรลุผลสำเร็จในทุกวันนี้ อย่างที่เห็น
เคยมีผู้หลักผู้ใหญ่ของไทย ไปดูงานที่เกาหลี แล้วถามเขาว่า ทำไมแผนที่มีตัวแบบเดียวกัน กลับสามารถใช้จนบรรลุผลลัพธ์อย่างมีประสิทธิภาพในเกาหลีใต้ แต่กลับใช้ไม่ได้ในประเทศไทย ซึ่งครบถ้วนทั้งทรัพยากรป่าไม้ทะเล ภูมิประเทศ อากาศฤดูกาล
เขาตอบกลับมาว่า “ เราเอามาใช้แล้วได้ผล เพราะเราเอามาทำ!!” ( ฮา )
ผมไม่รู้ว่าผู้ใหญ่ท่านนั้นจะตอบกลับว่าอย่างไร แต่ผมในฐานะที่เป็นคนไทย รู้สึกขำทั้งน้ำตา และเจ็บแปลบหัวใจเป็นอย่างยิ่ง
เมื่อ หวลกลับมามองพบว่าประเทศไทย มีการเจริญเติบโตแบบที่เห็น ถามตัวเองว่านี่หรือ คือผลลัพธ์จากวิวัฒนาการแบบไทยไทย ที่วิเคราะห์ออกมาเป็นพฤติกรรม 10 แย่แบบไทยๆ ที่มีฝรั่งเข้ามาทำการวิจัย ในช่วงก่อนเกิดปรากฏการณ์แทรกแซงทางการเงิน จนเกิดวิกฤติเศรษฐกิจในปี 2540 ..จวบจนวันนี้พฤติกรรมทั้ง 10 ลักษณะยังคงตอบโจทย์สำหรับการเผาบ้านเผาเมืองให้ลูกหลานได้เจ็บปวดเป็นขวัญ ตาได้อย่างไม่เปลี่ยนแปลง
รู้มั๊ยครับ..เขาวิจัยคนไทยเราว่าอย่างไร
1.มีความเป็นทางการสูง
การดำเนินงานทุกอย่างจะต้องมีขั้นตอน มีพิธีการ พิธีกรรม มีเคล็ด เปิดแพรคลุมป้าย ตัดริบบิ้น แต่ไม่ให้ความสนใจกับผลลัพธ์ที่ได้ว่าประสบผลสำเร็จตามเป้าหมายหรือไม่ โดยเฉพาะการดำเนินงานในระบบราชการไทย ผู้บริหารบ้านเมืองทุกระดับจึงมักมีตารางภารกิจวุ่นวายอยู่กับการเปิดแพร คลุมป้าย ตัดริบบิ้น ฝังลูกนิมิตร มากกว่าการใช้เวลาพิจารณางานบ้านงานเมือง
2.นับถือผู้มีฐานะ
การยอมรับพื้นฐานเริ่มที่การแต่งตัว..มีรถหรูขับ..จะได้รับการปฏิสัมพันธ์ ที่ดีในเบื้องต้นเสมอ..คนที่ไม่มีทุนทรัพย์ จึงนิยมของทำเลียนแบบมาเชิดหน้าชูตา จนประเทศไทยติดอันดับประเทศละเมิดลิขสิทธิ์อันดับต้นของโลก
ต้องยอมรับว่า แม้ประเทศไทยจะไม่มีการแบ่งวรรณะเช่นอินเดีย หรือจะมีการเลิกทาสไปเนิ่นนานมาแล้ว แต่วันนี้ คนไทยยังได้รับโอกาสทางสังคมที่แตกต่างกัน เป็น ชนชั้นสูง ( สังคมไฮโซ ) ชนชั้นกลาง และชนชั้นล่าง ซึ่งดันเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ
นอกจากนั้น การที่สังคมตะวันตกเข้าสู่ชาติไทยในบทผู้เจริญ..ทำให้คนไทยเห็นฝรั่งเป็นยอด คนเหนือคน..ฝรั่งจึงเป็นมาตรฐานให้คนไทยหยิบยกมาเปรียบเทียบ และเทอดทูนในความเป็น “ มาตรฐานสากล “ จน ภูมิปัญญาแบบไทย และแนวคิดทฤษฏีที่เหมาะสมกับวิถีไทยเช่น ทฤษฏีเศรษฐกิจพอเพียง “กลายเป็นเรื่องล้าสมัย
3.การเอื้ออาทรอยู่เหนือกติกาสังคม
สังคมไทย มีกฏเกณฑ์สำหรับการยกเว้น..การให้อภิสิทธ์ถือเป็นน้ำใจที่ดีสำหรับสังคมแบบ พึ่งพากัน.. คนที่ยึดกติกาจะเป็นแกะดำ..ไม่น่าคบและถูกกีดกันออกจากสังคม
กฏหมายในเมืองไทย จึงมีไว้สำหรับบังคับชนชั้นล่าง และชนชั้นกลางทางสังคม
กฏเกณฑ์ที่เป็นวินัยสาธารณะ ( Public Rull ) ซึ่งเป็นพื้นฐานการจัดระเบียบสังคม และเป็นเครื่องมือการสร้างความสงบเรียบร้อยของเจ้าหน้าที่บ้านเมืองในระบอบ ประชาธิปไตย จึงถูกละเลย และมีการเลือกปฏิบัติ ก่อกำเนิดเป็นระบบพรรคพวก เส้นสาย...ในทุกๆอนูกิจกรรมของสังคมไทย
กลุ่มทุนและกลุ่มธุรกิจที่มีกำลังซื้อ จึงมักเลือกที่จะจ่ายเพื่อแลกกับการเอื้ออาทรของเจ้าหน้าที่รัฐ บางรายเลือกที่จะซื้อการเมืองไว้ เพื่ออำนวยประโยชน์เป็นการส่วนตัวในรูปแบบต่างๆ ทั้งแบบอยู่เบื้องหลัง และทั้งแบบขอเป็นผู้บริหารบ้านเมืองเอง(มันซะเลย!!!!)
ผู้ที่ด้อยโอกาส ทางสังคม หรือกลุ่มชนชั้นล่างที่ไม่มีปากมีเสียง จึงต้องใช้วิธีรวมตัวเป็นกลุ่มมวลชน เพื่อสร้างพลังอำนาจให้ตัวเอง ก่อนจะดำเนินกิจกรรมละเมิดกฏเกณฑ์ หรือระเบียบสังคม โดยเฉพาะที่ได้รับความนิยมและได้ผลคือการละเมิดต่อสิทธิของประชาชนอื่นๆ เพื่อสร้างเงื่อนไขและอำนาจต่อรองกับรัฐ หรือผู้มีอำนาจ ซึ่งส่วนใหญ่จะได้ผล โดยเฉพาะแนวคิดสะกิดแผลใจในสไตล์ “ไพร่” กับ “อำมาตย์”
ปรากฏการณ์ ยึดสนามบินสุวรรณภูมิก็ดี การปิดราชดำเนินก็ดี การปิดราชประสงค์ก็ดี จึงเป็นปรากฏการณ์ละเมิดกฏหมายที่เป็นมาตรฐานประชาธิปไตยแบบไทยๆ ในแบบที่รัฐไม่กล้าแตะต้อง
แล้วลุกลาม...จนแม้อยากจะแก้ไข ก็สายไป...ในการต่อสู้ครั้งล่าสุด
4.เชื่อถือแนวคิดแบบศรีธนญชัย
ยอมรับความฉลาดแบบเจ้าเล่ห์ แสนกล เอาเปรียบ ข้างๆคูๆ...ขาดความจริงใจ ปลิ้นปล้อน จนลุกลามไปถึงแวดวงการเมือง
5.วัดความดีที่ภาพลักษณ์
การทำงานที่ดีคือคนที่ใช้สื่อเป็นเครื่องมือ..แถลงข่าว จับกระแสแล้ว..จบกัน..เป็นผลงานชั่วคืน..เป็นวอลเปเปอร์ถาวร
การสร้างภาพได้รับความนิยมอย่างยิ่งในแวดวงการเมือง และหน่วยงานราชการ
ในขณะที่อีกมุมหนึ่งก็ใช้วิธีการทำลายล้างกันด้วยระบบข้อมูลข่าวสารเช่นกัน
การใช้สื่อเป็นเครื่องมือ จึงเป็นยุทธศาสตร์สำคัญในสงครามยุคใหม่ โดยเฉพาะในสงครามทางการเมืองของไทยยุคศตวรรษที่ 21..ที่สามารถใช้ภาพลักษณ์สร้างทั้งศรัทธา และทั้งความเกลียดชัง ปลุกกระแสมวลชนให้เป็นแนวร่วมก่อการตามทิศทางและเป้าหมายของตน
6.ค่านิยมความเชื่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์
พึ่งพาปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติ สะท้อนความอ่อนแอขาดที่พึ่งทางใจของสังคมไทย
จนเกิดปรากฏการณ์โหรฟีเวอร์ในสังคมอย่างหลากหลาย ที่สำคัญคือคำทำนายส่งผลต่อการบริหารบ้านเมืองได้อย่างไม่น่าเชื่อ
7.รักสนุก ขี้เล่น ชอบงานรื่นเริง
เมืองไทยอุดมสมบูรณ์มาก่อนเก่า...ทุกกรณีจึงชอบสนุกสนานจัดรื่นเริงกินดื่มทุกตรุษ ..
ประเทศไทยเป็นศูนย์รวมของใหญ่ต่างๆของโลก
8.เรื่องงาน-เรื่องส่วนตัว เรื่องเดียวกัน
9.ระบบศักดินา
นิยมระบบนาย บ่าว ไพร่ ส่วย ..นิยมการแสดงอำนาจบารมี รถนำขบวน ทัวร์ ผ้าป่า ..มีลูกน้อง..เดินล้อมหน้าล้อมหลัง...สามารถพบได้จากข้าราชการแทบทุกระดับ
10.สังคมครอบครัว
รู้จัก-ไม่รู้จัก ล้วนเรียกเป็นญาติพ่อแม่พี่น้องกัน...เสียตรงที่ไม่รักกันจริง
พฤติกรรมต่างๆเหล่านี้ ฝังอยู่ในกระบวนทัศน์ทางสังคมแบบไทย จนเกิดวิวัฒนาการที่กลับมาเผาบ้านเมืองในวันนี้...”อีกครั้ง”
ที่ สำคัญคือ หากเราปล่อยให้ประเทศไทย ผ่านช่วงเวลานี้ไปโดยไม่ได้แก้ไขอะไร อย่างจริงจัง วิกฤติการณ์ที่พักตัวอยู่เพียงชั่วคราวในเวลานี้ จะเริ่มกลไกการทำงานของมันโดยอัตโนมัติ และจะเริ่มเติบโต มีวิวัฒนาการ ลุกลามขยายตัวไปอีกเรื่อยๆจนกว่าจะถึงเวลาอิ่มตัวและเกิดปรากฏการณ์วิกฤติ ขั้นรุนแรงขึ้นอีก
…และที่สำคัญครั้งนี้ อาจไม่เหลือประเทศไทย ให้เริ่มต้นใหม่อีกต่อไป