กลัวเพราะขาดความเชื่อ?
ความกลัวกำลังเกิดขึ้นและครอบงำจิตใจของคนจำนวนมากในปัจจุบัน
สิ่งที่เราควรเรียนรู้ในวันนี้คือการจัดการอย่างไรกับความกลัวที่กำลังเกิดขึ้น
การก่อการร้ายก็ได้สร้างผลในจิตใจของคนส่วนใหญ่คือทำให้เกิดความกลัว
ใครที่อยู่ในอาคารสูงๆ
หรือต้องเดินทางโดยสารเครื่องบินหรืออยู่ในเมืองใหญ่ๆ เช่น นิวยอร์ก
ชิคาโก วอชิงตัน ดี.ซี.
อาจกำลังมีความกลัวจนทำให้ตนเองอยู่อย่างไม่เป็นสุขและมีผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของตน
ก่อนหน้านี้ทุกครั้งที่เราขึ้นเครื่องบินก็ได้รับการต้อนรับอย่างดี
เพราะถือว่าเราเป็นแขกผู้มีเกียรติที่ต้องให้การบริการ
แต่บัดนี้อาจตรงกันข้าม
เพราะมีการสงสัยหรือตั้งข้อสังเกตว่าผู้โดยสารบางคน
หรือแขกบางท่านอาจมาก่อวินาศกรรม
เรามีความเคยชินกับการที่ต่างฝ่ายต่าง
รักษาระเบียบไม่ล่วงละเมิดกันจึงไม่คิดกันเลยว่า
จะมีเหตุร้ายที่ทำให้ตกอกตกใจหรือทำให้ตนเอง
ต้องอยู่ในความกลัว
บ้านส่วนใหญ่ที่เราอาศัยอยู่ก็ไม่มีรั้วใครก็ได้อาจเดินเข้ามา
ที่หน้าต่างห้องนอนหรือใช้ค้อนทุบเข้ามาได้
ถ้าเราคิดว่ามีใครตั้งใจจะมาปล้นหรือทำร้ายเรา
การเป็นอยู่ของเราหรือการหลับนอนก็จะไม่สนิทและไม่อาจอยู่เป็นสุขได้
ผมเคยทำงานที่คริสตจักรสะพานเหลืองที่กรุงเทพฯ
ซึ่งหากใครเคยไปก็ได้เห็นถึงคนทุกประเภทได้เข้ามา
แออัดประชุมนมัสการในโบสถ์ที่มีเนื้อที่จำกัด
แต่ละอาทิตย์ก็ผ่านไปด้วยความเรียบร้อยเพราะทุกคน
ต่างก็รักษาระเบียบและไม่ก้าวก่ายกัน
อยู่มาวันหนึ่งเพื่อนผมจากต่างคริสตจักรได้ไปร่วมนมัสการที่|
คริสตจักรและบังเอิญไปนั่งในบริเวณที่มีสุภาพสตรีจำนวนมากนั่งกัน
เขาได้สังเกตและเกิดความสงสัยว่า
ทำไมเมื่อนักเทศน์ได้เชิญให้ที่ประชุมยืนขึ้นตอนหลังการเทศนาเพื่อร่วมใจกันอธิษฐาน
บรรดาสุภาพสตรีทุกคนที่ดูมีฐานะก็ได้ยืนขึ้นอย่างพร้อมเพรียง
และต่างก็รวบกระเป๋ามาถือไว้ที่ข้างตัว บางท่านก็หนีบไว้ที่ใต้รักแร้
ผมได้อธิบายทีหลังให้เพื่อนฟังว่า
ครั้งหนึ่งมีผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามาในที่ประชุมและมานั่ง
ม้านั่งแถวหลังสุภาพสตรีที่ดูมีฐานะที่วางกระเป๋าถือ
ที่ดูมีค่าไว้ที่ม้านั่งข้างตัว
พออาจารย์เชิญให้ยืนขึ้นอธิษฐานและในขณะที่
ทุกคนกำลังปิดตาร่วมใจอธิษฐานอยู่
ผู้หญิงคนนั้นก็หยิบกระเป๋าถือนั้นแล้วเดินออกจาก
ที่ประชุมไปโดยที่ไม่มีใครที่อยู่รอบๆได้ทันรู้เนื้อรู้ตัว
แม้เดินผ่านสัมพันธกิจที่หน้าประตูทางออกก็ไม่มีใคร
สงสัยว่าผู้หญิงนั้นได้มาขโมยกระเป๋าถือไป
กลับเข้าใจว่าผู้หญิงคนนั้นคงมีธุระต้องรีบไปจึงไม่ได้เอะใจอะไร
ต่อมาคริสตจักรจึงต้องจัดคนบางคนเปิดตาคอยดู
สถานการณ์โดยเฉพาะเวลาที่คนส่วนใหญ่กำลังหลับตาอยู่
หากเราต้องตกอยู่ในความกลัวในสิ่งที่เราเคยคุ้นเคย
สภาพเช่นนั้นเป็นการบั่นทอนชีวิตของเราโดยตรง
เช่นหากเรากินข้าวทุกวันทุกมื้อ
แต่ต่อมามีคนมาบอกว่ากินข้าวแล้วเป็นมะเร็ง แล้วเราก็หลงเชื่อเช่นนั้น
ความกลัวก็จะครอบงำทำให้การกินของเราและวงจรชีวิตที่เราเคยทำกันอย่างปรกติก็เกิดความปั่นป่วนขึ้นมาทันที
อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้เรากลัวก็เพราะเราไม่ได้มีการเตรียมพร้อม
มีความชะล่าใจว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เรามีความเข้มแข็งและมีพวกมากจึงทึกทักว่าปลอดภัย 100 เปอร์เซ็นต์
สำนึกผิดว่าเรื่องร้ายแรงจะไม่เกิดขึ้นกับฉันแน่
ถ้ามีภัยอันตรายต้องเกิดขึ้นกับคนอื่นโดยเฉพาะคนอื่นที่ชั่วร้าย
ในพระธรรมมาระโก 4:35-41
ได้พูดถึงการแล่นเรือของบรรดาสาวกที่มีพระเยซู
ทรงประทับอยู่ในเรือด้วยแม้ว่ามีพระอาจารย์อยู่ด้วย
และมีเรือลำอื่นๆแล่นไปด้วยกันเป็นขบวน
แต่เมื่อต้องเผชิญกับพายุใหญ่ซึ่งเกิดขึ้นอย่างทันทีทันใด
จนคลื่นทะเลซัดเอาน้ำทะเลเข้าเรือจวนจะเต็มลำ
ในขณะนั้นพวกสาวกต่างตกใจกลัวแม้พระอาจารย์
ทรงประทับอยู่ด้วยหรือมีคนมากๆไปด้วยกันก็ตาม
สิ่งที่ทำให้พวกเขากลัวมากก็เพราะการมองดูรอบข้าง
และการเห็นพระเยซูนอนเฉยที่ท้ายเรือ
ซึ่งไม่ได้แสดงความวิตกสะทกสะท้านใดๆ
ลักษณะเช่นนี้คือความกลัวที่ขาดความ
เชื่อวางใจแม้พระเยซูทรงสถิตกับพวกเขาก็ตาม
ความกลัวได้ทำให้พวกเขาขาดสติ
ยิ่งได้เห็นพระเยซูนิ่งเฉยก็ยิ่งกลัว
พวกเขาได้ต่อว่าพระเยซูที่นิ่งเฉยว่า
"ข้าพเจ้าทั้งหลายกำลังจะจมอยู่แล้ว
ท่านไม่เป็นห่วงบ้างหรือ"
ความจริงการมีความกลัวอาจเป็นสิ่งดี
ถ้าความกลัวนั้นไม่เป็นนายหรือควบคุมสติของเราจนหมดสิ้น
ความกลัวเป็นการทำให้เราเกิดความกระตือรือร้น
มีความตื่นตัวเป็นการเตือนเราว่ากำลังมีภัยใกล้เข้ามา
และเราจะต้องระวังตื่นตัวเสมอ
ความกลัวเป็นเหมือน defense mechanism
หรือกลไกที่กระตุ้นให้เราเตรียมพร้อมที่จะปกป้องภัยอันตราย
หรือเป็นการทำให้เรารู้ตัวล่วงหน้าว่าจะมีภัยหรือมีอะไรกำลังจะเกิดขึ้น
ตรงกันข้าม หากมีความกลัวที่ไม่อาจควบคุมได้
หรือเราถูกความกลัวครอบงำจนหมดสิ้น
ก็จะมีผลต่ออารมณ์ความรู้สึกและการใช้เหตุใช้ผลของเราทันที
ถ้าความกลัวกลายเป็นนายก็จะทำให้เราสูญเสีย
ความสามารถในการใช้ปัญหาและเหตุผล
ที่มา : นิตยสารโลกวันนี้วันสุข ปีที่ 6 ฉบับ 287 วันที่ 27 พฤศจิกายน -
3 ธันวาคม พ.ศ. 2553 หน้า 27 คอลัมน์ พระวจนธรรม โดย ศจ.ดร.มนตรี โมเสส
ธิติภา
This album has 1 photo and will be available on SkyDrive until 03/02/2011. |
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น