ลักษณะคนถูกผีเข้าสิง

คำจำกัดความของผีเข้าสิง ตามภาษาเดิมในพระคัมภีร์ คำที่ใช้ไม่เจาะจงชัดเจนเท่าภาษาไทย ภาษาเดิมมีความหมายว่า "ผีรบกวน เป็นทุกข์ลำบากยิ่งนัก" ในมัทธิว 15:22

แต่เวลาเดียวกัน ก็มีการสั่งให้ผี "ออก" ฉะนั้นดูเหมือนว่าผีต้อง "เข้า" ถ้ามันถูกไล่ออก

ในมัทธิว 12:43-45 อธิบายด้วยว่า ร่างกายของมนุษย์ คือที่ ๆ ผีชอบอาศัยอยู่ และหาโอกาสที่จะอยู่มากกว่า 1 ตัวก็ได้ น่าแปลกเหมือนกัน การที่ผีเข้าหรือผีรบกวนนั้น อาจจะมีลักษณะเบาหรือรุนแรงก็ได้ แล้วแต่กรณี

ฉะนั้น บางคนบอกว่าคนที่ถูกผีรบกวนกับคนที่ถูกผีเข้าไม่เหมือนกัน อันนี้อาจจะเป็นความจริง ดูกิจการ 5:16 แต่วิธีรักษามีวิธีเดียว ฉะนั้น เราอาจจะไม่ต้องเสียเวลามากในการสังเกตว่าผีรบกวนหรือผีสิง เราต้องบอกผู้ที่ถูฏผีเข้าหรือผีรบกวนนั้นให้หายกลัว อธิบายว่าเป็นการสิงหรือการรบกวนก็แล้วแต่ ย่อมสามารถรับการปลดปล่อยได้โดยฤทธิ์เดชอำนาจของพระเยซูคริสต์

เมื่อบุคคลอีกผู้หนึ่งเข้าครองในคนนั้น จะมีการเปลี่ยนแปลงในหลายด้านด้วยกัน เช่น ดูลักษณะของคนที่ถูกผีเข้าในมาระโก มีถึง 7 ประการด้วยกัน

ลักษณะประการแรก เสียงเป็นเสียงของคนละคน

อาจจะใช้คนละภาษาที่เจ้าตัวไม่รู้เลย แต่บางทีอาจจะใช้เสียงเดียวกับเจ้าตัวได้ อันนี้ก็แล้วแต่กรณี แต่คนนั้นจะยอมรับบางสิ่งบางอย่างซึ่งเจ้าตัวไม่สามารถยอมรับ เป็นสิ่งแปลก เช่น ความลับบางอย่างที่เจ้าตัวไม่อยากเปิดเผย ก็เปิดเผย เช่น มีคนหนึ่งที่ผีเข้า ผมบังคับวิญญาณชั่วในนามของพระเยซูชาวนาซาเร็ธให้ตอบว่ามาทำไม

วิญญาณชั่วตอบว่า "มาเพราะนายสั่งมา"

ผมย้ำอีกว่า "มาทำไม"

มันก็บอกว่า "มาเอาชีวิต"

ผมจึงถามว่า "ทำไมจะต้องมาเอาชีวิต"

วิญญาณชั่วก็บอกว่า "เพราะนอกใจ"

ใช่ คนนั้นที่ถูกผีเข้าได้นอกใจสามีของเขา วิญญาณชั่วได้เปิดเผยสิ่งนี้ซึ่งคนปกติคนนั้นไม่เคยเปิดเผย

เมื่อรู้แล้ว ผมไม่ได้บอกเขาว่า เขาไปทำมิดีมิร้ายอะไรมา เพราะถ้าบอก เขาต้องรับสารภาพโดยจำเป็นต้องรับสารภาพ มันไม่ได้มีความหมายอะไร

ผมจึงถามผู้หญิงคนนั้นว่า "คุณต้องการจะรับชีวิตใหม่อย่างแท้จริงไหม ถ้าต้องการจะรับชีวิตใหม่ คุณจะต้องสารภาพบาปของคุณก่อน แล้วการสารภาพบาปนี้ คุณจะต้องพูดจากใจจริงของคุณ ไม่ใช่ผมชี้ให้คุณบอก"

สุดท้ายเขาก็ยอมรับสารภาพ และวันนั้น วินาทีนั้นเอง ที่เขาสารภาพและต้อนรับพระเยซูคริสต์ ถึงแม้ว่าเขาเคยต้อนรับมาแล้วหลายครั้ง แต่ไม่เคยมั่นใจว่าเขาเองเป็นลูกของพระเจ้า เพราะบาปบางอย่างที่เขาไม่ได้สารภาพกับพระเจ้า สุดท้ายวันนั้นเป็นต้นมา ผีเข้าไปในตัวเขาไม่ได้ มารบกวนวนเวียนอยู่เหมือนกัน แต่เข้าไม่ได้ นี่คือลักษณะของคนที่ผีเข้า มันจะพูดในสิ่งที่ปกติเจ้าของหรือคนนั้นที่ถูกเิข้าจะไม่ยอมรับ

ลักษณะประการที่สอง มีการเปลี่ยนแปลงระบบร่างกาย

ประเดี๋ยวอาจจะมีฤทธิ์แรงสูง และต่อมาประเดี๋ยวอาจจะหมดแรง เช่น ผู้หญิงคนนี้ทีไ่ด้พูดถึง เมื่อเวลาผีเข้า ไม่มีแรง แม้กระทั่งจะเดิน แต่เมื่อเวลาผีเข้าแล้ว มีกำลังผิดปกติ วิ่งจนคนสามสี่คนจับรั้งไม่อยู่

ลักษณะประการที่สาม มีความโกรธแค้นอย่างรุนแรง

ในมาระโก 5:4 เมื่อมีอารมณ์โกรธแล้วโกรธอย่างจับจิตจับใจ โกรธอย่างร้ายแรงจนขนาดที่ว่าระเบิดออกมาเป็นการกระทำ

ลักษณะประการที่สี่ มีความเสื่อมทางสภาพจิต

คือ มีสภาพจิตที่ไม่ปกติ เช่น วิ่งเข้าหาพระเยซูคริสต์ ขอให้สังเกตว่า พระคัมภีร์ตอนนั้นบอกว่า มันวิ่งเข้าหาพระเยซูคริสต์ "กลัวจนตัวสั่น"

ลักษณะประการที่ห้า ต่อต้านสิ่งที่เป็นฝ่ายวิญญาณอย่างรุนแรง

ในมาระโก 5:7 เรื่องนี้ขอให้เข้าใจว่าเราจะต้องสังเกตและลองวิญญาณ ทดสอบดูว่าวิญญาณนั้นเป็นวิญญาณที่มาจากวิญญาณชั่วหรือไม่ พระคัมภีร์ได้ชี้ให้เราเห็นชัดว่า วิญญาณใดที่ยอมรับพระเยซูคริสต์เป็นพระเจ้าที่บังเกิดมาเป็นมนุษย์ วิญญาณนั้นก็เป็นมาจากพระเจ้า ฉะนั้น คุณมีสิทธิ์ที่จะสังเกตและพิสูจน์วิญญาณเหล่านี้ได้เหมือนกัน

ผมเคยมีประสบการณ์เมื่อเจอวิญญาณชั่ว อยากรู้ว่ามันเป็นวิญญาณชั่วหรือไม่ ผมจะเทศนาหรือไม่ก็อธิษฐาน แต่การอธิษฐานต่อหน้าผู้หญิงหรือผู้ชายที่ถูกวิญญาณชั่วเข้าสิง ผมไม่หลับตา เพราะเคยมีประสบการณ์ว่าเมื่อขณะอธิษฐานถึงเรื่องฤทธิ์เดชอำนาจของพระเจ้า เรื่องการตายของพระเยซูบนไม้กางเขน เรื่องพระโลหิตของพระเยซูคริสต์ที่ชนะวิญญาณชั่ว เมื่ออธิษฐานถึงตอนนี้มันสั่น มันทนอยู่ไม่ได้ และมันเริ่มสำแดงอาการของมันออกมา ทันที่ที่จะทำร้ายร่างกายของเรา ตั้งแต่นั้นมา ผมไม่เคยหลับตาอธิษฐาน เมื่ออธิษฐานขับไล่วิญญาณชั่ว ต้องลืมตาอยู่ แล้วเทศนาให้มันฟังถึงเรื่องฤทธิ์อำนาจของพระเจ้า

ลักษณะประการที่หก อาจจะมีการขอย้ายไปที่อื่น ๆ

เช่น ในกรณีผีขอเข้าไปในสุกร (มาระโก 5:13) หรือเข้าในวัตถุ หรือบุคคลอื่น ๆ ก็ได้

ลักษณะประการที่เจ็ด อาจจะมีการสังเกตรู้บางสิ่งบางอย่างที่นอกเหนือธรรมดาได้

เช่น มาระโก 5:7 มันสังเกตรู้ว่าพระเยซูคริสต์เป็นใคร ลักษณะอย่างอื่น ๆ ที่สังเกตโดยทั่วไป ถ้ามีบางคนที่นิสัยเลว หรือบังคับตัวเองไม่ได้ในเรื่องเพศก็ดี หรือเรื่องความโกรธแค้นก็ดี แม้แต่ความกลัวหรือการทรมานทางจิตใจก็ดี ความคิดแปลกในแง่หนึ่งแง่ใดก็แล้วแต่ อาจจะมีเบื้องหลังของการถูกรบกวนจากวิญญาณชั่วหรือผีก็ได้ การมีใจขมขื่น ไม่ให้อภัยต่อกัน ถ้าสารภาพแล้วอย่างจริงใจก็ยังไม่ลืม คงเป็นผีซึ่งเป็นเบื้องหลังในเรื่องนี้ เพราะการพ้นภาวะนั้นไม่ใช่ด้วยการสารภาพอย่างเดียว แต่ด้วยการขับผีออกในพระนามของพระเยซูคริสต์เจ้าด้วย

มาจาก: http://www.followhissteps.com/web_christianstories/defeat.html

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น